ถ้ามีคนถามว่าสินค้าทางด้าน Smartphone นั้น อายุเฉลี่ยของสินค้าตัวนี้กี่วัน กี่เดือน หรือเป็นปี เราจะมีเครื่องมืออะไรเป็นตัววัด ถ้าสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่แต่ สินค้าตัวใหม่เข้ามาแทนที่จะลงโฆษณาอย่างไร ? สำหรับการดูอายุเฉลี่ยของสินค้าไม่ยาก ดูจากยอดขาย การตอบรับลูกค้าว่าชอบหรือไม่ชอบสินค้าตัวนั้นขายออกได้เยอะไหม ส่วนใหญ่ไม่เกิน 3-6 เดือนสินค้าต้องหมด เพราะตอนนี้เท่าที่เก็บข้อมูลมาทุก Brand สำหรับ Smartphone ออกสินค้าเกือบทุกเดือน แล้วสินค้ายังขายไม่หมด และมีสินค้าใหม่เข้ามาทดแทนสินค้าตัวเดิมแล้ว สินค้าตัวเก่าจะถูกเอาออกไปโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าถามว่า Stock ยังเหลืออยู่อะ จะทำอย่างไร ?

Case Study นี้ เป็นการใช้ Key Visual ทั้ง 4 รูปลงโฆษณาในช่วงเวลาเดียวกันโดยมีการ Boost Post เท่ากันหมด โดยแยกเป็น Target Group ที่ต่างกัน หลังจากเราลาออกมาแล้ว ก็เอา Case Study มาเขียนเล่าสู่กันฟัง วัดกระแสความนิยมว่าการชื่นชอบของ น้อง IDOL ทั้ง 4 คน ในเวลาเท่ากัน

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าเราเป็นใคร ? เป็นคนแบบไหน ? ทำไมถึงมาสนใจสินค้าเรา ถ้าเราจะทำสื่อทางการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเราแบบเจาะจงมากขึ้น และเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ในกลุ่มลูกค้าเดิมและ ลูกค้าใหม่เราจะทำอย่างไร?

วันนี้เอาตัวอย่างจริง แต่เปิดเผยข้อมูล Product สินค้าไม่ได้เลยยกให้เป็นสินค้า A และ สินค้า B และกัน ปกติเวลาดูยอดขายของสินค้าแต่ละวันเราจะวัดด้วย Graph แท่ง ว่าเปรียบเทียบสินค้าตัวเก่ากับสินค้าตัวใหม่ ยอดขาย Compare กันแล้ว สูงขึ้นหรือลดลงแต่ละวันเป็นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้อยากดูความหนาแน่น หรือความถี่ ว่า ยอดขายสินค้า A และ สินค้า B ยอดเฉลี่ยต่อวัน ที่ทำได้ เช่น 200 ชิ้น 300 ชิ้น 400 ชิ้น ในรอบ 30 วันนี้แตะไปกี่ครั้ง และ ความถึ่ที่ขายได้ Range จะอยู่ประมาณไหนที่สูงที่สุด ทำให้เรามองลึกลงไปว่า ที่เราขายได้ยอดประมาณนี้ ต่อวัน มันมีอะไร หรือ รายการส่งเสริมทางการตลาดอะไรที่มา Support

รวมงานแต่ละ sheet ใน Excel ทำอย่างไร ? คือ การเอา Sheet ใน Excel มารวมอยู่ไว้ในหน้าแรก โดยการใช้ VBA สำหรับสายงาน Online marketing หรือ สายงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการใช้ Data เอามาวิเคราะห์ งานการรวบรวม Data อาจจะเป็นอีกงานนึงที่บางครั้งจะเกี่ยวข้องกับเรา เช่น ต้องการเอารายชื่อตัวแทนจำหน่ายที่ขายสินค้าให้กับเรา ขึ้น บน Website แล้วถ้าระบบเดิมออกแบบมาไม่ดีพอจะทำอย่างไร ?

เวลาที่เราวิเคราะห์ข้อมูล Data และมองภาพออกมา Visualization โดยใช้ Tool เครื่องมือที่ใช้งานทั่วไป เช่น Microsoft Excel / Google Sheet / Power BI หรือ Tool อื่น ๆ ที่สามารถทำ Report ได้ นั้นจะไม่มีกฏตายตัว แต่ Tool ที่เรานำมาใช้นั้นจะต้องตอบโจทย์ กับคำถามที่ตั้งขึ้นมาได้ และใช้เวลาน้อยที่สุด รวมถึงเครื่องมือที่มีมานั้นมันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เพราะบางอย่าง เช่น Microsoft Excel แต่ละ Version ก็มี Tool ให้ใช้งานต่างกัน เช่น รุ่นใหม่ ๆ มี Power Query ให้ใช้แต่รุ่นเก่า ๆ นั้นไม่มี เท่าที่ลองใช้งานมาแล้ว

ถามว่าจำเป็นไหม ? สำหรับ Social Monitoring ? คงต้องตอบว่า เราติดต่อกับลูกค้าไม่ว่าเขาจะมีปัญหา หรือ ต้องการข้อมูลสอบถาม ถ้าเราเป็นคนดูแล Brand สินค้าภายใต้ความรับผิดชอบของ digital marketing นั้น สำคัญเสมอ หมายถึง ลูกค้าได้รับความใส่ใจถ้าได้รับการตอบคำถามตั้งแต่กระทู้แรก ๆ และ รวดเร็ว รวมถึง Crisis ที่ลูกค้าด่า ไม่พอใจด้วย ก็จะลดปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

มาเล่าให้ฟังในการทำงานของหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ไม่ว่าเป็น Own Media และหรือ การว่าจ้าง Agency ทำงานในการติดต่อ Influencer หรือ ทำงานทางด้าน Online ในการขี้น Project ซ้อนๆ กันในช่วงเวลาหนึ่ง จะมีเอกสารเข้ามาวันนึงเยอะมาก ซึ่งทั้งหมดจะมีการ update งานต่าง ๆ ผ่าน Email และ Line Group หรือ Line ส่วนตัว ข้อเสียอย่างนึงของการทำงานร่วมกันขององค์นี้คือ การทำงานจะเป็นแบบ Boss centric หรือ การบริหารงานตัดสินใจขายงานผ่านทางหัวหน้างานในการ approved และ การใช้ email โต้ตอบ และ ใช้ Line ส่วนตัว หรือ Line Group เป็นการติดตามงานระหว่างกันทำให้ งานต่างๆ ต้องประติดประต่อเอง ซึ่งเคยมีเสนอให้ใช้ Project Management ไปแล้วแต่ไม่สำเร็จแต่ไม่เป็นไร เราก็มาประยุกต์การใช้งานของเราเองได้

จากเครื่องมือเดิม ๆ ที่ทาง Line@ มีมาให้ใช้พร้อมแพ็กเก็จค่าใช้จ่ายที่ส่งข้อความให้ทางลูกค้ามีให้ใช้ประมาณนึง ซึ่งเป็นการส่งเพียงข้อความ และ รูปภาพ เหมือนหลาย ๆ account Line@ บริษัทในประเทศไทยได้ใช้กัน

เป็นงานใน Office ของคนทำงานทางด้าน Online Media ที่ใช้ช่องทาง face book ในการทำกิจกรรมบนหน้า Facebook page ซึ่งอาจจะมีโจทย์ให้ช่วยเอา Comment ที่ Fan page เล่นกิจกรรมมาลงใน Files Excel เพื่่อดูความคิดเห็น , คนตอบรางวัลถูก, เอาเบอร์โทรหรืออื่น ๆกรณี ให้ลงเบอร์โทรไว้ใน Comment ซึ่งถ้ามี ประมาณสัก 1000 Comments และใน Comment มีการพูดคุยกันไปมาอีก จะมาทำ Ctrl+c / Ctrl+v ทีละ Contents คงเสียเวลาน่าดู